คำว่า ‘ตลาด’ มีความหมายกว้างมาก
ตั้งแต่ความหมายที่กว้างที่สุด ซึ่งหมายถึงระบบอุปกรณ์และอุปทานในเชิงเศรษฐกิจ
ไปจนถึงความหมายของตลาดที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ซึ่งเกี่ยวพันกับพื้นที่
อาจกล่าวได้ว่า ตลาดคือแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าของคนไทย
ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ทั้งในด้านที่ตั้ง รูปแบบ ตลอดจนประเภทของสินค้า
ตามสภาพแวดล้อมทั้งทางกายภาพและสภาพแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
ตลอดจนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีซึ่งเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย
ตลาดนัด
หมายถึง สถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่ไม่ประจำ หากพิจารณาความหมายนี้
จะเห็นว่าร่องรอยพัฒนาการของตลาดนัในสังคมไทยนั้นมีมาแต่โบราณ
เป็นกิจกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าของผู้คนในแต่ละชุมชน
ซึ่งกำหนดให้จัดขึ้นช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน
แต่เป็นที่รับรู้กันในชุมชนนั้นๆ อาจปรากฎในรูปของตลาดไม่ประจำหรือตลาดตามฤดูกาล
ทั้งที่เป็นตลาดน้ำและตลาดบกก็ได้
ทั้งนี้ความสำคัญของตลาดบกและตลาดน้ำขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ของชุมชน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2
รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีดำริให้จัดตั้งตลาดนัดขึ้นในกรุงเทพ เขตปริมณฑล
และทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2491
เพื่อให้ประชาชนได้หาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคในราคายุติธรรม
หรือในราคาที่รัฐบาลควบคุม และเพื่อเป็นการปลูกฝังให้คนไทยรู้จักการค้าขายมากขึ้น
หลังประกาศตั้งตลาดนัดตามสนามหลวงขึ้นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว
ประชาชนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งที่มีสินค้าราคาถูกและดี
มีความหลากหลาย
จนพื้นที่ที่จัดไว้ในขณะนั้นคือสนามหลวงไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้คนที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ทางราชการยังใช้พื้นที่ดังกล่าวในงานพระราชพิธีต่างๆเป็นครั้งคราว
จึงมีการย้ายสถานที่ตลาดนัดไปที่อื่น และตลาดนัดสนามหลวงแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงในปี พ.ศ.2525
ตลาดนัดสนามหลวงจึงกลายมาเป็นสนามหลวง
สวนสาธารณะสำหรับให้ประชาชนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ และยังใช้เป็นที่จัดงานราชการ
พระราชพิธีต่างๆมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนตลาดนัดที่ขึ้นมามีบทบาทแทนตลาดนัดสนามหลวงคือ
ตลาดนัดพหลโยธิน ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ตลาดนัดจตุจักร
อย่างที่เรารู้จักกันนั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น